วันอังคารที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒

กัลยาณมิตรดุจเข็มทิศของชีวิต

การจะดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ในภาวะของความเป็นมนุษย์นั้น สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ จะต้องมีกัลยาณมิตร การได้รับคำแนะนำและการประคับประคองจากกัลยาณมิตร จะทำให้ชีวิตที่มืดมนกลายมาเป็นสว่างไสวได้ เพราะกัลยาณมิตร คือ แสงสว่างส่องทางให้ก้าวไปสู่เป้าหมายได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีอุปสรรคมาขวางกั้น หรือหากมีอุปสรรค จะสามารถก้าวข้ามไปได้ การได้กัลยาณมิตรถือว่าเป็นมงคลของชีวิตอย่างยิ่ง เพราะทำให้สามารถดำรงตนอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีคุณค่า ทั้งต่อตนเองและสังคม กัลยาณมิตรภายนอก คือ สัมมาทิฏฐิบุคคล ที่แนะนำในเรื่องกฎแห่งกรรม ให้เราเข้าใจเป้าหมายของการเกิดมา ว่าจะต้องทำพระนิพพานให้แจ้งแสวงบุญสร้างบารมี ส่วนกัลยาณมิตรภายใน คือ พระธรรมกายในตัว ซึ่งจะเข้าถึงได้ด้วยการทำใจหยุดใจนิ่ง ฉะนั้น เราต้องหมั่นปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนากันเป็นประจำ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในอุปัฑฒสูตร ความว่า

ดูก่อนอานนท์ ข้อว่า ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น พึงทราบโดยปริยายนี้ คือ เหล่าสัตว์ผู้มีชาติเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชาติ ผู้มีชราเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชรา ผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากมรณะ ผู้มีโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส เพราะอาศัยเราผู้เป็นกัลยาณมิตร ดูก่อนอานนท์ ข้อว่า ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นนั้น พึงทราบโดยปริยายนี้แล”

สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะอยู่ในกำเนิดใด จำเป็นจะต้องมีกัลยาณมิตรทั้งสิ้น เมื่อมีกัลยาณมิตรแนะนำให้เป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว จะสามารถเข้าใจเป้าหมายของการมาเกิด ซึ่งเป็นเหตุให้มุ่งแสวงหาทางพ้นทุกข์ ดังนั้น กัลยาณมิตรจึงเป็นบุคคลสำคัญที่เราต้องเสาะแสวงหา และหมั่นไปมาหาสู่ด้วย กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของชีวิตอันประเสริฐ เพราะได้ต้นบุญต้นแบบในการพัฒนากาย วาจา ใจ ให้สมบูรณ์ขึ้น จนกระทั่งทำให้หลุดพ้นจากอาสวกิเลส

เนื่องจากระยะเวลาการสร้างบารมีระหว่างผู้ที่หวังพุทธภูมิกับสาวกภูมินั้น มีความแตกต่างกันมาก พระโพธิสัตว์ผู้มุ่งตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ต้องใช้เวลาสร้างบารมีอย่างน้อย ๒๐ อสงไขยแสนมหากัป ถ้าวัดกันเฉพาะช่วงที่เป็นนิยตโพธิสัตว์จะใช้เวลาอย่างน้อย ๔ อสงไขยแสนมหากัป ส่วนสาวกภูมิใช้เวลาสร้างบารมีอย่างมาก ๑ อสงไขยแสนมหากัป เพราะฉะนั้น ผู้ที่ทำพระนิพพานให้แจ้งได้ด้วยตัวเอง มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นอนุพุทธะ คือ ผู้ตรัสรู้ตาม เมื่อมุ่งทำพระนิพพานให้แจ้ง จึงต้องอาศัยกัลยาณมิตร เพราะผู้ที่อยู่ในสาวกภูมิไม่อาจทำพระนิพพานให้แจ้งได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากบารมีธรรมต่างกันมาก

การจะได้บรรลุธรรมหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์นั้น ไม่ใช่ของง่าย ต้องได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ หรือแม้ไม่ได้ฟังโดยตรง อาจฟังต่อๆ กันมา เหมือนดังพระโมคคัลลานะได้เป็นพระโสดาบันเพราะฟังธรรมจากท่านพระสารีบุตร ส่วนพระสารีบุตรได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิเถระ พระอัสสชิเถระผู้ได้สำเร็จเป็นอรหันต์รุ่นแรกของโลก เพราะฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหมดนี้ คือ เครื่องยืนยันความสำคัญของการมีกัลยาณมิตร ว่ากัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์อย่างไร

หลวงพ่อมีตัวอย่างของพระอรหันตเถระรูปหนึ่ง ท่านได้ดำเนินชีวิตผิดพลาด เหมือนขังตัวเองอยู่ในที่มืด แต่เมื่อได้พระพุทธองค์เป็นกัลยาณมิตรแล้ว ชีวิตของท่านจึงได้พบความสว่างไสว เรื่องของท่านมีอยู่ว่า

ย้อนอดีตไปหลายกัปที่ผ่านมา พระเถระรูปนี้เคยสร้างบุญบารมีมาไม่น้อย ชีวิตของท่านเหมือนกับผู้คนทั่วไป ที่เกิดอยู่ในหลายๆ ฐานะ ตามกำลังบุญที่ได้ทำเอาไว้ คือ ชาติไหนที่ทำบุญไม่มาก จะไปเกิดในครอบครัวชนชั้นล่าง ที่ทำบุญมากขึ้นมาหน่อยจะเกิดเป็นชนชั้นกลาง หรือถ้าได้ทำบุญมากเป็นพิเศษ บุญกุศลจะส่งผลให้ท่านไปเกิดเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี หรือพระราชามหากษัตริย์ ท่านมีโอกาสเกิดในยุคที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นหลายครั้ง เมื่อมาเกิดแล้ว ได้ตั้งใจสั่งสมบุญบารมีภายใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่

เมื่อได้เกิดในยุคสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าปทุมุตตระ วันหนึ่ง ณ มหาวิหารอันร่มรื่น ซึ่งเป็นที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ ท่ามกลางพุทธบริษัทเรือนแสนที่พำนักอยู่ในที่นั้น ท่านเห็นพระบรมศาสดาทรงแต่งตั้งพระอรหันต์รูปหนึ่ง ไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าภิกษุด้านมีบริวารที่เป็นพระภิกษุมาก ท่านได้อนุโมทนาต่อตำแหน่งอันทรงเกียรติเช่นนั้น จึงปรารถนาอยากได้ตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้บ้าง

ในวันรุ่งขึ้น ตัวท่านพร้อมเหล่าข้าทาสบริวารได้จัดภัตตาหารอย่างประณีต น้อมถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เมื่อพระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ฉันเรียบร้อยแล้ว ท่านได้อธิษฐานจิต ตั้งความปรารถนาในตำแหน่งนั้น พระบรมศาสดาทรงเห็นด้วยพุทธญาณว่า ความปรารถนาของท่านจะสำเร็จสมหวังอย่างแน่นอน จึงทรงพยากรณ์ว่า “ในอนาคตกาล คฤหบดีท่านนี้จะได้รับฐานันดรที่บุญญาธิปไตยจัดให้ คือ เป็นผู้เลิศด้วยบริวาร สมความตั้งใจอย่างแน่นอน” พุทธพยากรณ์ในวันนั้น ทำให้ท่านปลาบปลื้มใจมาก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ได้ขวนขวายสร้างบุญบารมียิ่งๆ ขึ้นไปอีก เมื่อละจากชาตินั้นแล้ว ได้ท่องเที่ยวไปในสุคติภูมิอย่างเดียว

เมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยม ภพชาตินี้ ท่านได้มาเกิดในตระกูลพราหมณ์กัสสปะ ครั้นเติบโตพอที่จะเรียนหนังสือ จึงได้เล่าเรียนไตรเพทตามบรรพบุรุษ ต่อมาได้เป็นอาจารย์ของพราหมณ์ และมีมาณพเป็นบริวาร ๕๐๐ คน ด้วยความที่ได้สั่งสมบุญไว้ดี จึงไม่ติดอยู่ในวิชาที่ศึกษาเล่าเรียนมา เพราะมองไม่เห็นสาระในวิชาเหล่านั้น จึงพาบริวารออกบวชเป็นฤๅษี และตั้งสำนักบูชาไฟอยู่ริมแม่น้ำ ที่ตำบลอุรุเวลาได้รับการขนานนามว่า อุรุเวลกัสสปะ ท่านพร้อมทั้งบริวารได้ถือลัทธิบูชาไฟอยู่เป็นเวลาหลายสิบปี ด้วยเข้าใจว่านี่คือ เส้นทางพ้นทุกข์ แม้จะบูชาไฟ แต่ชีวิตของท่านพร้อมบริวารกลับเดินอยู่ในความมืดตลอดเวลา มองไม่เห็นหนทางพ้นทุกข์เลย

ครั้นอินทรีย์ของอุรุเวลกัสสปะพร้อมด้วยบริวารแก่รอบพร้อมที่จะได้บรรลุธรรมแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปโปรด ด้วยการแสดงปาฏิหาริย์ถึง ๓,๕๐๐ อย่าง เพื่อสร้างศรัทธาและกำราบมานะทิฐิของท่านพร้อมบริวาร จนกระทั่งฤๅษีทั้งหมดเลื่อมใสศรัทธา และออกบวชตามพระองค์ เมื่อถึงเวลาพระพุทธองค์ได้ทรงแสดง อาทิตตปริยายสูตร ที่ตำบลคยาสีสะ เพื่อขจัดไฟภายใน คือ กิเลสอาสวะโปรดพระนวกะทั้งหมด เมื่อจบพระธรรมเทศนา ท่านอุรุเวลากัสสปะและบริวารทั้งหมด ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ต่อมาไม่นาน ท่านได้รับการแต่งตั้งจากพระพุทธองค์ ให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในด้านมีพระภิกษุที่เป็นบริวารมาก สมความตั้งใจของท่าน

การที่ท่านได้สมหวังดังใจปรารถนา เพราะได้ยอดกัลยาณมิตร คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเมตตาอนุเคราะห์ หากไม่ได้พระพุทธองค์เป็นกัลยาณมิตรแล้ว จะไม่สามารถพ้นจากการดำเนินชีวิตที่ผิดพลาด ที่ต้องไปบูชาไฟ ซึ่งไม่ใช่สรณะไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม เพราะได้พระพุทธองค์เป็นกัลยาณมิตรให้แท้ๆ ชีวิตริบหรี่จึงกลับสว่างไสวขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น คุณค่าของกัลยาณมิตร จึงเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ และการที่เราจะได้กัลยาณมิตรภายนอกตลอดเวลาทุกที่ทุกโอกาสนั้นเป็นไปได้ยาก มีอยู่วิธีเดียว คือ เราจะต้องทำสมาธิภาวนา เพื่อให้พบกับกัลยาณมิตรภายใน ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึงพระธรรมกายที่เป็นยอดกัลยาณมิตรให้กับเราได้ตลอดเวลา อันจะเป็นประดุจเข็มทิศชีวิต และเครื่องเตือนใจให้เราดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางสวรรค์และนิพพานตลอดไป ดังนั้น ให้หมั่นแสวงหาพระรัตนตรัยภายในตัว ด้วยการทำใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่งเป็นประจำสมํ่าเสมอ สักวันหนึ่ง เราจะสมปรารถนากันทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น: