วันศุกร์ที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒

บุญเขตในพระพุทธศาสนา

ชีวิตของเราทุกคนเป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ความดีที่เราได้ทำไปแล้ว จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังมวลแห่งความบริสุทธิ์อยู่ในตัว สิ่งนั้น คือ บุญ ยิ่งทำบุญสั่งสมความดีมาก ยิ่งมีพลังมาก ความสำเร็จสมหวังจะมีมาก ตรงกันข้ามถ้าพลังบุญน้อย ความสำเร็จสมหวังจะมีน้อย ดังนั้น บุญจึงเป็นเครื่องหนุนนำค้ำชูชีวิตให้สุขสมหวัง ตรงข้ามกับบาปที่จะกดให้คุณภาพใจตกต่ำลง แต่บุญจะเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า สามารถขจัดอาสวกิเลสทั้งหลายได้ เมื่อบุญเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับชีวิตอย่างนี้ เราจึงควรสั่งสมบุญให้มากๆ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในขุททกนิกาย ธรรมบทว่า

มาเส มาเส สหสฺเสน โย ยเชถ สตํ สมํ

เอกญฺจ ภาวิตตฺตานํ มุหุตฺตมปิ ปูชเย

สา เยว ปูชนา เสยฺโย ยญฺเจ วสฺสสตํ หุตํ

บุคคลใด พึงบูชาสิ่งอื่นนอกจากพระรัตนตรัย ด้วยทรัพย์หนึ่งพันทุกๆ เดือนตลอดทั้งปี แม้เป็นเวลานานถึง ๑๐๐ ปี การบูชาของเขา มีอานิสงส์เทียบได้เพียงนิดเดียวกับการบูชาของผู้บูชาพระอริยบุคคลซึ่งฝึกตนดีแล้ว แม้เพียงชั่วเวลาครู่เดียวไม่ได้เลย”

การบูชาบุคคลผู้ควรบูชาเป็นทางมาแห่งมหากุศล แม้จะเป็นการบูชาด้วยไทยธรรมเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าบูชาถูกทักขิไณยบุคคลแล้ว การบูชานั้นย่อมมีอานิสงส์ใหญ่เป็นอสงไขยอัปมาณัง นับว่าเป็นการลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก เหมือนการลงทุนทำธุรกิจ ที่ลงทุนน้อยแต่ให้ได้กำไรมาก ดังนั้นการดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็เช่นกัน ต้องดำเนินให้มีกำไรชีวิต คือ ให้มีความสุขในโลกนี้ เมื่อละโลกไปแล้วให้ได้ไปเสวยสุขในโลกหน้า ถ้าบุญเต็มเปี่ยมจึงหยุดเวียนว่ายตายเกิด ได้เข้าสู่อายตนนิพพานเสวยเอกันตบรมสุข ที่ไม่มีทุกข์เจือปน

สำหรับการมีชีวิตที่ขาดทุน คือ ชีวิตที่ขาดบุญ ซึ่งบางคนดำเนินชีวิตผิดพลาด ด้วยการทำบาปอกุศล เช่นไปลักขโมยรถเขามาขับ ไปมีชู้กับภรรยา หรือสามีของคนอื่น ขายเครื่องดองของเมา หรือขายยาเสพติด เพื่อเห็นแก่เม็ดเงินที่จะมาอำนวยความสะดวกสบายให้กับตนเอง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความสุขชั่วคราวเท่านั้น เมื่อละโลกแล้ว ต้องไปเสวยทุกข์ทรมานแสนสาหัส เป็นเวลายาวนานในมหานรก ครั้นกรรมเบาบางลง มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ ต้องใช้วิบากต่อไปอีกหลายชาติ เช่น เป็นคนพิกลพิการ มีสติไม่สมประกอบ เป็นต้น การทำบาป เพื่อหวังความสุข แต่ต้องประสบทุกข์ข้ามชาตินั้น ไม่คุ้มกันเลย นี่คือ ชีวิตที่ขาดทุนอย่างแท้จริง

การดำเนินธุรกิจผิดพลาด ทำให้ขาดทุน ยังพอแก้ไขกันได้ แต่การดำเนินชีวิตผิดพลาด ต้องแก้ไขกันข้ามภพข้ามชาติ เพราะฉะนั้น ในขณะที่กำลังใช้วิบากกรรมนั้น เราต้องรู้จักสร้างกุศลกรรมควบคู่ไปด้วย และยิ่งเมื่อเรารู้แล้วว่าหน้าที่หลักของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อสั่งสมบุญเท่านั้น ไม่ใช่มาทำอย่างอื่น และการสั่งสมบุญในแต่ละครั้งจะต้องทำให้ถูกเนื้อนาบุญ อย่างที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะว่า “พระสงฆ์สาวกของพระองค์ คือ เนื้อนาบุญของโลก ใครก็ตามเมื่อได้ทำบุญในบุญเขตนี้แล้ว จะทำให้ได้อานิสงส์มาก”

มีคนจำนวนมากอยากรํ่ารวย แต่ไม่รู้วิธีหาเงิน จึงรวยไม่ได้ ในทำนองเดียวกัน บางคนอยากไปเกิดบนสวรรค์ อยากไปพรหมโลก แต่ไม่รู้หนทางไป จึงไปไม่ถึง นอกจากไปไม่ถึงแล้ว สิ่งที่กำลังประพฤติปฏิบัติอยู่นั้น อาจเป็นเส้นทางนำไปสู่อบายภูมิก็ได้ ดังนั้น การขาดกัลยาณมิตรคอยแนะนำเส้นทางดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดังเช่นชีวิตของพราหมณ์ ผู้เป็นลุงของพระสารีบุตรเถระที่หลงไปบูชาสิ่งที่ไม่ใช่พระรัตนตรัย ไม่ใช่บุญเขตในพระพุทธศาสนา แต่โชคดีที่เจอยอดกัลยามิตรทำให้มีชีวิตสดใสไปทุกภพทุกชาติ เรื่องราวมีดังนี้

พระสารีบุตรเถระผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายด้านปัญญา และเป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากท่านได้บวชและบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้ทำหน้าที่ธรรมเสนาบดีอย่างเข้มแข็ง มีอยู่วันหนึ่ง พระสารีบุตรได้ไปโปรดลุง ซึ่งกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน ลุงของท่านคนนี้นอกจากมีฐานะที่รํ่ารวย และยังเป็นอุปัฏฐากคนสำคัญของพวกนิครนถ์ด้วย เมื่อพระเถระได้สนทนาสารทุกข์สุกดิบตามประสาลุงกับหลานที่ไม่ได้พบกันนาน ท่านได้ถามลุงว่า “ท่านลุง ท่านได้ทำบุญกุศลอะไรเอาไว้บ้าง” ลุงตอบว่า “หลานรัก ลุงยังบูชากราบไหว้นิครนถ์อยู่ ลุงจะมอบปัจจัยให้นิครนถ์ครั้งละ ๑ แสนกหาปณะทุกเดือน ไม่เคยขาดเลย”

เมื่อได้ฟังดังนั้น พระเถระจึงถามว่า “การทำบุญในแต่ละครั้งนั้น ท่านหวังสิ่งใด” ลุงตอบว่า “พวกพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ ต่างแนะนำให้ลุงไปบังเกิดในพรหมโลก ลุงจึงปรารถนาอยากไปพรหมโลก” พระเถระจึงถามต่อว่า “แล้วอาจารย์ของลุง หรือตัวลุงเองรู้จักทางไปพรหมโลกหรือไม่” พราหมณ์เมื่อเจอคำถามนี้ จึงตอบแบบเสียงเบาๆว่า “ไม่มีใครรู้จักหรอก” พระเถระจึงให้ข้อคิดว่า “ตามปกติแล้ว ผู้ที่จะไปที่ไหน จะต้องรู้จักเส้นทางนั้นเป็นอย่างดี จึงจะไปถึงจุดหมายได้ แต่ท่านไม่รู้ แม้อาจารย์ของท่านเองก็ไม่รู้ แล้วท่านจะไปถึงพรหมโลกได้อย่างไร มาเถิดลุง อาตมาจะกราบทูลให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นอาจารย์ของอาตมา ตรัสบอกเส้นทางไปสู่พรหมโลกกับลุงเอง”

พราหมณ์ดีใจมากที่จะได้รู้ทางไปสู่พรหมโลก จึงเดินตามพระเถระไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อไปถึงพระเถระได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระพุทธองค์โปรดตรัสบอกหนทางไปพรหมโลกแก่ลุงของข้าพระองค์ด้วยเถิด พระเจ้าข้า”

พอได้สดับคำอาราธนา พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า “พราหมณ์ การถวายอาหารพอยังชีพเพียงทัพพีเดียวแก่สาวกของเราแม้เพียงรูปเดียวเท่านั้น จะสามารถนำไปสู่พรหมโลกได้ และการถวายอาหารเพียงทัพพีเดียวนั้น ยังมีอานิสงส์มากกว่าการบริจาคทรัพย์จำนวนมากแก่นิครณถ์ทุกเดือนของท่านเสียอีก อย่าว่าแต่การถวายอาหารเลย แม้เพียงแค่การแลดูสาวกของเราด้วยจิตที่เลื่อมใสศรัทธา เพียงครู่เดียวยังได้บุญมากกว่าการกราบไหว้บูชาพวกนิครนถ์เป็น ๑๐๐ ปี” จากนั้น ทรงชี้แจงให้พราหมณ์ได้ทราบถึงลักษณะของเนื้อนาบุญว่า ต้องสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ และปัญญาอย่างไรบ้าง แล้วทรงบอกหนทางไปสู่พรหมโลกแก่พราหมณ์ ด้วยการแนะนำข้อปฏิบัติเพื่อให้ได้ฌาน ซึ่งเริ่มจากการหมั่นฝึกฝนอบรมใจให้บริสุทธิ์ ละนิวรณ์ทั้ง ๕ จนกระทั่งได้บรรลุปฐมฌานเรื่อยไป จนถึงจตุตถฌาน และเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในในที่สุด

พราหมณ์ได้ส่งใจไปตามกระแสพระธรรมเทศนาพร้อมกับทำใจหยุดในหยุด นิ่งในนิ่งควบคู่ไปด้วย เมื่อจบพระธรรมเทศนา พราหมณ์ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ซึ่งประเสริฐและเลิศกว่าการได้เป็นพรหมเสียอีก เพราะตั้งแต่นี้ไป ท่านจะมีชีวิตที่ไม่ตกต่ำอีก จะมีแต่ใจที่เกาะเกี่ยวอยู่กับพระนิพพานอันเป็นบรมสุขอย่างเดียว

เราจะเห็นได้ว่า การทำอะไรแต่ละอย่างนั้น ย่อมมีหลักวิชชาในการทำสิ่งนั้นๆให้สัมฤทธิผล ผู้ที่รู้หลักวิชชาย่อมสามารถบรรลุเป้าหมายได้โดยง่าย การไปเกิดมาเกิดบนโลกมนุษย์ กระทั่งก้าวไปสู่ความไม่เกิดอีก หากไม่ได้คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประทีปส่องนำทาง น้อยคนนักที่จะก้าวไปถึงได้ ในเรื่องนี้ เราดูตัวอย่างได้จากพราหมณ์ผู้เป็นลุงของพระสารีบุตรเถระ ที่หลงเข้าใจผิดในเรื่องการทำบุญ เพื่อมุ่งพรหมโลก แต่ได้อาศัยพระพุทธองค์ที่ทรงให้หลักวิชชาที่ถูกต้อง จึงทำให้ชีวิตเข้าถึงเป้าหมายอันสูงสุดในชีวิต ไม่มีตกต่ำอีก

ดังนั้น ผู้รู้ทั้งหลาย จึงเลือกที่จะสั่งสมบุญเฉพาะในบุญเขตเท่านั้น เพราะลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก เหมือนการหว่านข้าวกล้าลงในนาดี ย่อมได้ผลิตผลที่งอกงามไพบูลย์เกินควรเกินคาด และคำว่าเนื้อนาบุญ หมายถึง ผู้ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ หรือผู้ปฏิบัติเพื่อละราคะ โทสะ โมหะ จนกระทั่งถึงผู้ที่ได้เข้าถึงพระธรรมกาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุเป็นสามเณร เป็นหญิงเป็นชาย เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ถ้าเข้าถึงธรรมกาย ถือว่าเป็นทักขิไณยบุคคลเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ดังนั้น เมื่อปรารภจะสั่งสมบุญแล้ว ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา จึงจะทำให้เราได้อานิสงส์ใหญ่ หวังเทวโลกจะได้เทวโลก หวังพรหมโลกจะได้ไปพรหมโลก หวังให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานจะสมปรารถนากันทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น: