วันอังคารที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑

อยากเป็นที่รัก ต้องรักการให้

ทานบารมีเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นบารมีเบื้องต้นที่จะส่งผลให้เราสมบูรณ์พร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติ สามารถสร้างมหาทานบารมีได้อย่างต่อเนื่อง เอาบุญมาต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติและยังสามารถสร้างบารมีอย่างอื่นได้อย่างสะดวกสบาย เช่น เมื่ออานิสงส์จากทานบารมีส่งผล จะทำให้ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง ไม่ต้องเสียเวลากับการแสวงหาทรัพย์ เพื่อการทำมาหาเลี้ยงชีพ เมื่อถึงคราวปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา สามารถทำได้ดังใจปรารถนา โดยไม่ต้องมีห่วงกังวลกับเรื่องการแสวงหาทรัพย์มาคอยเหนี่ยวรั้งจิตใจ และเข้าถึงธรรมได้อย่างรวดเร็ว เพราะการตัดใจสละของรักของหวงได้อย่างง่ายๆ ทำให้สามารถปลดปล่อยวางอารมณ์ได้ง่ายขึ้นด้วย ทำให้ใจปลอดโปร่งใสสว่างเหมาะต่อการทำใจหยุดใจนิ่ง ดังนั้น เมื่อจะทำทานทุกครั้งจะต้องรักษาใจให้ผ่องใส ทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ใจใส คือ การหมั่นเจริญสมาธิภาวนา ฉะนั้น ควรทำใจหยุดใจนิ่งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในนิธิกัณฑสูตร ความว่า

บุรุษฝังขุมทรัพย์ไว้ในน้ำลึก ด้วยคิดว่า เมื่อกิจที่จำเป็นเกิดขึ้น ทรัพย์นี้จักเป็นประโยชน์แก่เรา เพื่อเปลื้องตนจากราชภัยบ้าง เพื่อช่วยตนให้พ้นจากโจรภัยบ้าง เพื่อเปลื้องหนี้บ้าง ในคราวทุพภิกขภัยบ้าง ในคราวคับขันบ้าง ขุมทรัพย์ที่เขาฝังไว้ในโลก เพื่อประโยชน์นี้แล

ขุมทรัพย์นั้น ย่อมหาสำเร็จประโยชน์แก่เขาไปทั้งหมด ในกาลทุกเมื่อเสียทีเดียวไม่ เพราะขุมทรัพย์นั้นเคลื่อนจากที่ไปเสียบ้าง จดจำไม่ได้เสียบ้าง ถูกพวกนาคเคลื่อนย้ายเสียบ้าง ถูกยักษ์เคลื่อนย้ายไปเสียบ้าง ถูกทายาทอันไม่เป็นที่รักขโมยขุดเอาไปเสียบ้าง หรือในเวลาที่สิ้นบุญ ขุมทรัพย์ทั้งหมด หายสาบสูญไปเสียบ้างก็มี

ขุมทรัพย์ คือ บุญของผู้ใด เป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม ฝังไว้ดีแล้วด้วยทาน ศีล ความสำรวม ความฝึกตน ฝังไว้ดีแล้วในเจดีย์บ้าง ในสงฆ์บ้าง ในบุคคลบ้าง ในแขกบ้าง ในมารดาบ้าง ในบิดาบ้าง หรือในพี่ชายพี่สาวบ้าง ขุมทรัพย์นั้น ชื่อว่าฝังไว้ดีแล้ว ใครๆ ไม่อาจเอาไปได้ เป็นของที่จะติดตามตนไปได้ บรรดาโภคะทั้งหลาย ที่เขาจำต้องละทิ้ง มีแต่ขุมทรัพย์ คือ บุญเท่านั้นที่เขาจะนำไปได้”

ขุมทรัพย์ในที่นี้ พระพุทธองค์ทรงหมายเอาบุญกุศล คือ เมื่อได้ทรัพย์มาแล้ว ต้องทำบุญใหม่เพิ่มทุกครั้ง จะทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ทำให้มีขุมทรัพย์ คือ บุญติดตัวกันไปข้ามภพข้ามชาติ เมื่อได้นำทรัพย์ฝากฝังไว้ในพระพุทธศาสนา คือ การทำบุญกับเนื้อนาบุญ จะเป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐที่สามารถติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติได้ ไม่ว่าจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา หรือสัตว์เดรัจฉาน บุญนั้นยังตามเกื้อหนุนให้มีความสุขตามอัตภาพที่พึงมีพึงได้ เราอย่าได้เห็นเพียงความสะดวกสบายในชาตินี้และเอาทรัพย์ที่ได้มาไปใช้ทำอย่างอื่นหมด ต้องรู้จักนำออกให้ทานสร้างบุญใหม่ เพราะบุญเก่าที่เราใช้ไปทุกๆ วันมีสิทธิ์หมดได้

การให้ไม่ได้มีเฉพาะเจาะจงแต่ฆราวาสเท่านั้น แม้เป็นนักบวชก็ต้องทำเหมือนกัน เพราะการทำทาน คือ หนทางสวรรค์และเป็นสิ่งจรรโลงใจที่จะทำให้เราปฏิบัติธรรมและเข้าถึงธรรมได้อย่างสะดวกสบาย จะเป็นประเภทสุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ปฏิบัติสะดวกบรรลุได้เร็ว ดังเช่นเรื่องราวของพระวิชิตเสนเถระ

ในอดีตชาติ พระวิชิตเสนเถระเป็นผู้ที่ชอบสร้างบุญบารมี รักการทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิปฏิบัติธรรมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เมื่อทำบุญคราใด จะอธิษฐานจิตให้ได้ทำบุญในบุญเขต คือ ในพระพุทธศาสนาเสมอ แรงอธิษฐานนั้นก็เป็นจริงเรื่อยมา ทำให้ท่านมีโอกาสสั่งสมบุญกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งการได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

*มก. วิชิตเสนเถรถาคา เล่ม ๕๒/๑๑๘

*ในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ท่านได้มาเกิดสร้างบารมีด้วย เมื่อโตเป็นหนุ่มได้เห็นการครองเรือนของเพื่อนบ้าน ที่ใช้ชีวิตด้วยความคับแค้น เกิดเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ต้องคลุกคลีกับความเศร้าหมอง ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จึงตัดสินใจเข้าป่าบวชเป็นฤๅษี ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ทำแต่ความเพียรบำเพ็ญพรตปฏิบัติธรรมเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นนิสัยของบัณฑิตที่รักในการประพฤติพรหมจรรย์

วันหนึ่ง โอกาสทองของท่านฤๅษีมาถึง คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ได้เสด็จเหาะผ่านอาศรมของท่าน ทำให้ท่านฤๅษีได้เห็นพระพุทธองค์ ผู้ทรงรุ่งเรืองด้วยพระฉัพพรรณรังสีที่ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ขณะที่ดวงตาทอดทัสสนาพุทธลีลา ดวงใจก่อเกิดพลังความศรัทธาเลื่อมใสอันยิ่งใหญ่ ได้ยกมือทั้งสองขึ้นประคองอัญชลีเหนือเศียรเกล้า พร้อมกับนอบน้อมระลึกนึกถึงพระพุทธองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ จากนั้นได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ขอพระพุทธองค์ ทรงโปรดอนุเคราะห์ข้าพระองค์เถิด ข้าพระองค์ปรารถนาจะถวายภิกษา ขอได้โปรดเมตตามารับภิกษาด้วยเถิด”

พระบรมศาสดาทรงทราบวาระจิตของท่านฤๅษี จึงเสด็จลงมาประทับยืนอยู่หน้าอาศรมบทของฤๅษี ท่านฤๅษีเห็นเช่นนั้น ยิ่งเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นทับทวี รีบกุลีกุจอจัดแจงอาสนะที่ประทับถวายแด่พระพุทธองค์ น้อมผลไม้ที่รกฟ้ามีรสเลิศที่คัดสรรมาอย่างดีแล้วถวายแด่พระพุทธองค์ ด้วยผลบุญที่ได้ทำในครั้งนี้ ส่งผลให้ท่านฤๅษีเวียนเกิดเวียนตายอยู่ในสองภพภูมิเท่านั้น คือ ในเทวโลกและมนุษยโลก ไม่มีโอกาสพลัดตกในอบายภูมิเลย

ต่อมาในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านได้ถือกำเนิดในตระกูลนายหัตถาจารย์ ซึ่งเป็นตระกูลควาญช้างประจำแคว้นโกศล มีชื่อว่าวิชิตเสนะ เมื่อท่านโตเป็นหนุ่ม ได้เห็นนายหัตถาจารย์ผู้เป็นลุง ๒ ท่าน ออกบวชในบวรพระพุทธศาสนา เมื่อบวชแล้วทั้งสองท่านตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมจนบรรลุเป็นพระอรหันต์

วิชิตเสนะหนุ่มน้อยจึงอยากใช้ชีวิตอย่างหลวงลุงบ้าง ไม่อยากครองเรือน แม้ว่าตนจะเรียนศิลปะวิทยาของนายควาญช้างจนจบแล้วก็ตาม แต่อยากจะเจริญรอยตามหลวงลุง ซึ่งเป็นเพราะนิสัยที่เคยออกบวชมาข้ามชาติ ทำให้ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ ยิ่งเมื่อได้เห็นปาฏิหาริย์ของพระพุทธองค์ที่ทรงแสดงในวาระต่างๆ ทำให้ยิ่งมีความเลื่อมใสศรัทธามากยิ่งขึ้น จึงตัดสินใจออกบวชทันที โดยฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงลุงทั้งสอง

เมื่อบวชแล้ว ท่านรักในการฝึกฝนอบรมตนเอง ถึงพร้อมด้วยศีลาจารวัตรที่งดงาม มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ว่าหลวงลุงทั้งสองจะแนะนำสั่งสอนอะไร ท่านก็รับฟังด้วยความเคารพและนำไปปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ความที่ท่านเป็นพระที่ว่าง่าย ทำให้สามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองได้รวดเร็ว บวชได้ไม่กี่พรรษา กิเลสอาสวะที่นอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานได้ถูกขัดเกลาจนเบาบาง ผลการปฏิบัติธรรมจึงรุดหน้าเรื่อยไป จนในที่สุด ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา

การได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป็นความปรารถนาที่สูงสุดของมวลมนุษยชาตินั้น ต้องเริ่มต้นจากก้าวแรกด้วยทานบารมีเสมอ ทานบารมีถือได้ว่าเป็นของสากลที่ทุกคนทำได้ และผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก ถ้าอยากเป็นที่รักของมนุษย์และเทวา ให้หมั่นทำทาน ยิ่งให้ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวเอง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น แต่อย่าลืมเป้าหมายหลัก คือ ทำทานเพื่อกำจัดความตระหนี่ออกจากใจ ซึ่งมีอานิสงส์ตามมา คือ เมื่อลงมือนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม จะสามารถเข้าถึงธรรมได้โดยง่าย ดังนั้น เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่า ต้องรู้จักฝากฝังทรัพย์ไว้ในพุทธศาสนาด้วยการให้ทาน และสำรวมระวังในการรักษาศีล หมั่นฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่งอยู่ตลอดเวลา จะได้เป็นบุญนิธิ คือ ขุมทรัพย์ที่จะหนุนนำชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองและสว่างไสวในสังสารวัฏไปตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม

ไม่มีความคิดเห็น: